วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ความเป็นมาของเรื่องรามเกียรติ์




ความเป็นมาของเรื่องรามเกียรติ์

รามเกียรติ์ มีที่มาจากเรื่อง รามยณะ ที่ฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ มาแล้ว และได้แพร่หลาย จากอินเดียไปยังประเทศใกล้เคียง และได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับเดิมไปไม่น้อย รามยณะเป็นปางหนึ่งในสิบปางของการอวตารมาปราบยุคเข็ญของพระนารายณ์ ที่มีชื่อว่า รามาวตาร
สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ ของไทยนั้น มีมาแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อให้ละครหลวงเล่น ได้ทรงเลือกมาเป็นตอน ๆ รามเกียรติ์ นี้จึงมีสำนวนกลอนที่ไพเราะที่สุด
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ โดยดัดแปลงจากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ เพื่อใช้ในการเล่นโขน ซึ่งจะมีอยู่เพียงบางตอนที่คัดเลือกไว้เท่านั้น เช่น ตอนนางลอย ตอนหักคอช้างเอราวัณ ตอนสีดาลุยไฟ เป็นต้น
รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีที่สำคัญของไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื้อเรื่องและสำนวนกลอน ในเรื่องรามเกียรติ์มีความไพเราะ มีคติสอนและแง่คิดในด้านต่าง ๆ อยู่เป็นอันมาก สอดแทรกเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ตามหลักนิยมของอินเดียในเนื้อเรื่อง และหลักนิยมของไทยในสำนวนกลอน
จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ที่รอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เขียนขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าฯ จำนวน 178 ห้อง เขียนโดยจิตรกรที่มีฝีมือยอดเยี่ยมของไทย เป็นภาพวิจิตรงดงาม ทรงคุณค่าทางศิลปกรรมเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการ ซ่อมแซมหลายครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2375, พ.ศ. 2425, พ.ศ. 2475 และครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2525



นอกจากเนื้อเรื่องรามเกียรติ์แท้ ๆ จากห้อง 1 ถึงห้อง 178 ยังมีเรื่องการอวตารของพระนารายณ์ในปางก่อน ๆ อันเป็นที่มาของเรื่อง รามเกียรติ์อีกหลายแปลงคือนรสิงหาวตาร ซึ่งเป็นปางที่สี่ วราหาวคาร ซึ่งเป็นปางที่ก่อให้เกิดวงศ์พระนารายณ์ขึ้นที่โลกมนุษย์ คือ ท้าวอโนมาตัน โอรสพระนารายณ์ ที่เกิดจากองค์พระนารายณ์เองให้ครองกรุงศรีอยุธยาที่พระอิศวรโปรดให้พระอินทร์ ลงมาสร้างให้หลานปู่ของท้าวอโนมาตัน คือท้าวทศรถ ผู้เป็นพระราชบิดาของพระราม





ต้นเรื่องรามเกียรติ์


ณ ยอดเขาจักรวาลมียักษ์ตนหนึ่งชื่อ หิรันตยักษ์ ได้บำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระอิศวรให้มีฤทธิ์มากขึ้น เมื่อได้พรแล้วจึงคิดกำเริบว่าไม่มีใครสามารถสู้ได้ จึงม้วนแผ่นดินแล้วเหาะนำไปไว้ที่เมืองบาดาล เหล่าเทวดาจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรให้พระนารายณ์ไปปราบ แล้วจึงนำแผ่นดินมาคลี่ไว้ที่เดิม จากนั้นจึงกลับยังเกษียสมุทร พบดอกบัวบานมีกุมารน้อยอยู่ในนั้น จึงนำไปถวายพระอิศวร พระอิศวรให้พระอินทร์ไปสร้างเมืองให้ที่ป่าทวาราวดี แล้วตั้งชื่อกุมารว่า อโนมาตัน และมอบอาวุธคือ ตรีเพชร คทา และธำมรงค์ ให้ไปปกครองเมืองนั้น ส่วนพระอินทร์ได้มอบนางมณีเกสร เป็นพระมเหสี ต่อมามีโอรสชื่อ อัชบาล และต่อมาท้าวอัชบาลกับนางเทพอัปสรมีโอรสชื่อ ทศรถ
    ฝ่ายพระพรหมองค์หนึ่งชื่อสหบดี ซึ่งเคยให้สหมลิวัน ไปปกครองทวีปลังกาแต่ได้หนีพระนารายณ์ ไปอยู่เมืองบาดาล ทวีปลังกาจึงกลายเป็นเมืองร้าง สหบดีเห็นว่าควรมีการสืบวงศ์พรหมต่อไป จึงสั่งให้พระวิษณุพรหม ไปดูทำเลสร้างเมืองใหม่ พระวิษณุพบเกาะกลางทวีปมีภูเขาสูงชื่อ นิลกาฬ สีดำสนิทตั้งอยู่กลางเกาะเห็นว่าเป็นทำเลที่เหมาะจะสร้างเมืองที่มีความมั่นคง ป้องกันการรุกรานของข้าศึกได้ จึงสร้างเมืองขึ้นตรงเกาะนั้น
     " อันคูเขื่อนปราการล้อมรอบ                                   เป็นคันรอบมั่นคงแน่นหนา
หอรบช่องปืนใบเสมา                                         ทวาราป้อมค่ายรายไป "

แล้วตั้งชื่อว่าพิชัยลังกา ท้าวสหบดีได้ให้ญาติชื่อท้าวจตุรพักร ไปครอง มอบอาวุธคือ ตรีศูล คทา ฉัตรแก้ว พร้อมพระเวทกำกับฉัตร หากเมื่อข้าศึกมาประชิดเมือง ให้ยกฉัตรขึ้นบังแสงอาทิตย์ ข้าศึกจะมองไม่เห็นเมือง ทั้งยังประทาน นางมลิกา ไปเป็นมเหสี ต่อมามีโอรสชื่อท้าวลัสเตียน ซึ่งมีมเหสี 5 องค์ องค์สุดท้ายชื่อ พระนางรัชดาเทวี ซึ่งเป็นแม่ของทศกรรฐ์


    มียักษ์ชื่ออสุรพรหม อยู่เชิงเขาจักรวาล ต้องการมีฤทธิ์มากขึ้น เพียรทูลขอกระบองที่ไม่มีใครสู้ได้จากพระอิศวร จนพระอิศวรประทานกระบองเพชรให้
    มาลีวัคคพรหม จึงทูลทักท้วงว่า การที่ทรงประทานกระบองเพชรให้นั้น จะทำให้โลกเดือดร้อนได้ เพราะอสุรพรหมเป็นยักษ์ที่หยาบช้า ควรจะประทานอาวุธแก่ท้าวอัชบาล เพื่อใช้ปราบอสุรพรหม พระอิศวรจึงประทานพระขรรค์และพรแก่ท้าวอัชบาล ซึ่งภายหลังได้ฆ่าอสุรพรหมตาย ด้วยเหตุนี้มาลีวัคคพรหม จึงเป็นเพื่อนกับท้าวอัชบาลในเวลาต่อมา
ต่อมา มาลีวัคคพรหมเสด็จไปเฝ้าพระอิศวรทูลลาไปอยู่ ณ เขายอดฟ้า พระอิศวรเห็นว่าเป็นพรหมที่มีความซื่อสัตย์ จึงประทานพรให้มีวาจาสิทธิ์ ทั้งได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าท้าวมาลีวราช ปกครองเหล่าคนธรรพ์และยักษ์
         มียักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ ตรีบุรัม   ครองเมืองโสพัส ต้องการมีฤทธิ์เอาชนะพระนารายณ์ได้ จึงบำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระอิศวร จนพระอิศวรต้องเสด็จลงมาให้พรตามที่ขอว่า พระนารายณ์ไม่สามารถฆ่าตรีบุรัมได้    เมื่อได้พรแล้วจึงกำเริบไปข่มเหงเหล่าเทวดาและนางฟ้าจนถึงสวรรค์ชั้นที่หกเดือดร้อนไปทั่ว จึงพากันมาฟ้องพระอิศวร เนื่องจากศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง ด้วยตรีบุรัมได้พรจากพระอิศวร ทั้งพระพรหมและพระนารายณ์ไม่อาจปราบได้ พระอิศวรจึงต้องยกทัพไปปราบเอง ในกระบวนทัพของพระอิศวร ให้พระขันธกุมารเป็นทัพหน้า พระราหูถือธง พระพิเนตรเป็นปีกซ้าย พระพินายะเป็นปีกขวา พระกาฬเป็นเกียกกาย ท้าวเวสสุวรรณเป็นยกกระบัตร และพระเพลิงเป็นกองหลัง ส่วนพระอิศวรนั่งบนหลังพระโคอุสุภราช เอากำลังพระพรหมผสมกับพระเดชเป็นเกราะเพชร เขาพระสุเมรุเป็นคันธนูชื่อ มหาโลหะโมลี เอาอนันตนาคราชเป็นสายธนู พระนารายณ์เป็นลูกศร แต่ไม่สามารถยิงได้เพราะพรจากพระอิศวรดังกล่าว พระอิศวรจึงลืมตาที่สามขึ้นเป็นเพลิงกรดไหม้ตรีบุรัมตาย จากนั้นจึงมอบธนูโลหะโมลีไว้ที่เมืองมิถิลาและฝากเกราะเพชร ไว้ที่พระฤาษีอัคถะดาบส เพื่อเก็บไว้ถวายพระนารายณ์ตอนอวตารมาปราบเหล่ายักษ์




กำเนิดทศกรรฐ์

                มียักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ นนทก มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่มาเฝ้าพระอิศวร ณ เชิงเขาไกรลาสถูกเหล่าเทวดาลูบหัวทุกวันจนหัวล้าน มีความเสียใจและแค้นใจ จึงไปเฝ้าพระอิศวรทูลขอนิ้วเพชร ชี้ไปที่ใครต้องตาย เมื่อพระอิศวรให้พรแล้ว จึงกลับไปล้างเท้าเทวดาตามเดิม เมื่อถูกเหล่าเทวดาลูบหัวอีก จึงเอานิ้วเพชรชี้เทวดาล้มตายไปเป็นอันมาก เหล่าเทวดาจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์ได้แปลงกายเป็นนางอัปสรไปร่ายรำยั่วยวนจนนนทกหลงกลรำตาม เอานิ้วเพชรชี้ไปที่ต้นขาตนเองล้มลง พระนารายณ์จึงกลับร่างเดิมเหยียบอกนนทกไว้ นนทกจึงว่าพระนารายณ์กลัวตนจึงต้องแปลงร่างมา พระนารายณ์จึงสาปให้นนทกไปเกิดใหม่ มีสิบหัวสิบหน้าและยี่สิบมือ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีคทาและธนูเป็นอาวุธ ส่วนพระองค์จะเกิดเป็นมนุษย์มี 2 มือ ตามไปฆ่า แล้วจึงฆ่านนทกตาย
     " ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์                    ลงไปอุบัติเอาชาติใหม่
    ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกรเหาะเหิรเดินอากาศได้ในอัมพร
    มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคฑาอาวุธธนูศร
    กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกรตามไปราญรอนชีวี "

    เมื่อนนทกตายแล้วจึงไปเกิดเป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและ พระนางรัชดาเทวี ชื่อว่าทศกรรฐ์ แปลว่าผู้มีสิบหู มีน้องชาย 2 คน ชื่อพิเภกและกุมภกรรณ และมีน้องสาวชื่อนางสำมนักขา ต่อมาทศกรรฐ์ได้ไปศึกษาพระเวทย์กับฤาษีโคบุตร



    กำเนิดพิเภก

    ฝ่ายพระอิศวร เมื่อรู้ว่านนทกไปเกิดเป็นทศกรรฐ์ที่กรุงลงกา เป็นยักษ์ที่ร้ายกาจและมีฤทธิ์มาก และเห็นว่าแม้พระนารายณ์จะอวตารไปปราบ ก็เห็นจะยาก จึงสั่งให้เวศญาณเทพบุตร ลงไปเกิดเป็นโอรสท้าวลัสเตียนกับพระนางรัชดาเทวี โดยประทานแว่นวิเศษใช้เรียนวิชาโหราศาสตร์ เพื่อเป็นไส้ศึกให้กับพระนารายณ์ และได้ชื่อว่าพิเภก


    กำเนิดพาลี สุครีพ
    ฤาษีโคดม เดิมเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกต ไม่มีโอรสธิดา ได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะในป่าถึงสองพันปี จนหนวดเครายาวรุงรัง จนมีนกกระจาบมาทำรัง นกกระจาบได้พูดว่า พระฤาษีโคดมเป็นคนบาป ด้วยเป็นกษัตริย์ก็ไม่มีบุตรธิดา ยังหนีมาออกบวชจนทำให้เสียวงศ์กษัตริย์ พระฤาษีได้ฟังจึงคิดได้ จึงบำเพ็ญตบะตั้งพิธีขอผู้หญิงขึ้น คือนางกาลอจนา และอยู่กินกันจนมีธิดาคือนางสวาหะ ต่อมาพระอินทร์ และพระอาทิตย์ต้องการจะแบ่งฤทธิ์ไปช่วยพระนารายณ์ปราบยักษ์ จึงไปทำให้นางตั้งครรภ์และคลอดโอรส ออกมาเป็นพระยากากาศและสุครีพ ต่อมานางสวาหะ จึงเล่าเรื่องให้พระฤาษีฟัง พระฤาษีจึงอธิษฐานว่า จะปล่อยลูกลงน้ำ ถ้าใครเป็นลูกให้ว่ายน้ำกลับมาหาตน ถ้าไม่ใช่ให้กลายเป็นลิงเข้าป่าไป หลังจากปล่อยลูกทั้ง 3 ลงน้ำ คงมีแต่นางสวาหะคนเดียวว่ายกลับมา ส่วนพระยากากาศและ สุครีพกลายเป็นลิงเข้าป่าไป พระฤาษีโกรธมากจึงกลับมาสาปนางกาลอัจนาเป็นหิน นางกาลอัจนาจึงสาปนางสวาหะ ให้ยืนขาเดียวกินลมอยู่ในป่าเชิงเขาจักรวาล จะพ้นคำสาปเมื่อมีลูกเป็นลิงมีฤทธิ์เลิศกว่าลิงอื่น ๆ





    กำเนิดนิลพัท หนุมาน

    ฝ่ายพระอินทร์และพระอาทิตย์ สงสารลูกจึงไปสร้างเมืองขึ้น แล้วตั้งชื่อว่าเมืองขีดขิน แล้วให้พระยากากาศเป็นเจ้าเมือง สุครีพเป็นมหาอุปราช แล้วสอนพระเวทย์ให้ด้วย
    ด้านเมืองชมพูนั้นมีท้าวมหาชมพูเป็นเจ้าเมือง มีมเหสีชื่อนางแก้วอุดร เป็นเพื่อนสนิทของพระยากากาศ ไม่มีโอรสธิดา พระอิศวรจึงประทานลูกพระกาฬชื่อ นิลพัท ให้เป็นหลาน

    พระอิศวร รู้ว่านางสวาหะถูกสาปก็สงสาร จึงให้พระพายเอาเทพอาวุธไปซัดเข้าปากนางสวาหะ ทำให้นางตั้งครรภ์ แล้วจึงให้กำเนิดโอรสเป็นลิงเผือก ออกมาจากปากมารดา มีรัศมีโชติช่วง มีกุณฑล ขนเพชร เขี้ยวแก้ว หาวเป็นดาวเป็นเดือน มีแปดมือสี่หน้า พระอิศวรตั้งชื่อว่า หนุมาน และพระพายยังแบ่งกำลังให้อีกด้วย
     " ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี                     รัศมีโชติช่วงในเวหา
    มีกุณฑลขนเพชรอลงการ์ เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย
    หาวเป็นดาวเป็นเดือนรวีวร แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่
    สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกรแล้วลงมาไหว้พระมารดา "

    เมื่อหนุมานเกิด นางสวาหะจึงพ้นคำสาปและบอกว่าถ้าผู้ใดมาทักเกี่ยวกับกุณฑลขนเพชรในตัว คนนั้นคือพระนารายณ์ ให้เข้าสวามิภักดิ์แก่ผู้นั้น จากนั้นหนุมานได้ลาพระพายและพระมารดาไป ต่อมาพระพายได้พาหนุมานไปเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรจึงให้คาถามหามนต์ แปลงกาย หายตัว นะจังงัง ร่างกายคงทนต่ออาวุธ อายุยืน และหากถูกฆ่าตาย เมื่อถูกลมพัดก็จะฟื้น ต่อมาพระอิศวรจึงให้หนุมานและโอรสชื่อชมพูพาน ซึ่งเกิดจากเหงื่อไคลของพระองค์ ไปอยู่กับพระยากากาศ และสุครีพ ที่เมืองขีดขิน
    เมื่อถึงฤดูฝน เหล่าเทวดาจะมาร่ายรำเล่นฝน พระอรชุนก็มาร่วมด้วย นางมณีเมขลาที่มีหน้าที่เฝ้า พระสมุทร ก็นำแก้วมณีไปร่ายรำด้วย รามสูรเห็นเข้าจึงเข้าแย่ง เมื่อไม่ได้จึงโกรธ ขณะนั้นพระอรชุนเหาะผ่านมา รามสูร จึงเข้าไปทำร้ายจนถึงต่อสู้กัน พระอรชุนถูกรามสูรจับขาฟาดเข้ากับเขาพระสุเมรุ จนเขาทรุดลง พระอิศวรจึงให้นำพระยานาคพันยอดเขา และให้เหล่าเทวดา คนธรรพ์ นาค ครุฑ พระยากากาศ สุครีพ ช่วยกันดึงแต่ไม่สำเร็จ สุครีพจึงจี้สะดือของพระยานาค พระยานาคบิดตัวอย่างแรง ทำให้ฉุดเขาพระสุเมรุให้ตั้งตรงได้ ต่อมาเมื่อพระยากากาศขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรจึงตั้งชื่อพระยากากาศว่าพระยาพาลี พร้อมกับให้พรว่า ผู้ใดมาต่อสู้ด้วยให้กำลังลดลงครึ่งหนึ่งและประทานตรีเพชรให้ด้วย จากนั้นก็ฝากผอบใส่นางดาราให้สุครีพ จากความดีความชอบที่ใช้ปัญหาทำให้เขาพระสุเมรุตั้งตรงได้ พระนารายณ์ได้ค้านว่าไม่ควรฝากไป พระยาพาลีก็ถวายสัตย์ว่าจะไม่เปิดผอบ หากเสียสัตย์ก็ขอให้ตายด้วยศรของพระราม เมื่อกลับถึงเมืองก็เปิดผอบดูพบนางดารา จึงได้เป็นเมีย



กำเนิดนางมณโฑ
ที่ภูเขาหิมพานต์มีฤาษี 4 องค์ บวชมาได้สามหมื่นปีแล้ว ในเวลาเช้าจะมีโคนมมาที่บรรณศาลา แล้วหยอดนมไว้ในอ่างให้ฤาษีดื่มกินทุกวัน ที่หินซึ่งเป็นที่ฉันอาหาร มีกบตัวเมียอาศัยอยู่ และพระฤาษีจะให้กบเป็นทานทุกวัน วันหนึ่งมีนางนาคขึ้นมาจากบาดาลมาหาชายเป็นสามี บังเอิญพบงูดิน จึงร่วมรักกัน พระฤาษีมาเห็นเข้านางนาคอายแทรกบาดาลหายไป และคิดว่าถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูบิดาจะอับอายได้ จึงขึ้นไปคายพิษไว้ในอ่างนม กบได้แสดงความกตัญญูด้วยการลงไปในอ่างนมและขาดใจตาย พระฤาษีมาพบเข้าจึงชุบกบ แล้วถามความกบเล่าให้ฟัง พระฤาษีเห็นความดีของกบ ชุบนางเป็นมนุษย์ ตั้งชื่อตามสัญชาติเดิมว่า นางมณโฑ


    แล้วพานางไปถวายพระอิศวร พระอิศวรจึงให้เป็นนางกำนัลของพระอุมา ซึ่งพระอุมาได้สอนพระเวทย์ต่าง ๆ ให้แก่นางมากมาย
    ทางด้านเมืองบาดาล พระยากาลนาคเห็นว่าท้าวสหมลิวันมาอยู่จะทำให้เดือดร้อนไปทั่ว เพราะเป็นยักษ์พาล จึงควรจะปราบเสียแต่แรกท้าวสหมลิวันจึงไปขอความช่วยเหลือจากท้าวลัสเตียนผู้เป็นหลาน พระยากาลนาครบพ่ายแพ้ท้าวลัสเตียน จึงถวายราชธิดาชื่อ นางอัคคี และท้าวลัสเตียนจะรับไว้ให้เป็นชายาทศกรรฐ์ราชโอรสต่อไป


ยักษ์วิรุฬหกซึ่งอาศัยอยู่นครบาดาล ใต้เขาตรีกูฎ ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรปีละเจ็ดครั้ง วันหนึ่งได้ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรกำลังบรรทมหลับ วิรุฬหกคิดว่าพระอิศวรอยู่ที่ท่ามกลางอสูรและเทพดา จึงกราบทุกคั่นปันไดที่ขึ้น สรภูตุ๊กแกที่เกาะอยู่บนยอดเขา เห็นเข้าก็ขบขัน วิรุฬหกโกรธถอดสังวาลย์นาคขว้างไปถูกเขาไกรลาส จนถึงกับทรุดเอียง พระอิศวรตกพระทัยตื่น แล้วจึงตรัสหาผู้อาสา ยกเขาไกรลาส เหล่าเทวดาได้ช่วยกันยก แต่ไม่สำเร็จ

    พระอิศวรจึงให้ไปตามทศกรรฐ์มายกเขาไกรลาสจนตั้งตรงได้ ทศกรรฐ์คิดกำเริบขอประทานพระอุมา พระอิศวรยกให้ ทศกรรฐ์จึงเข้าไปจะอุ้ม แต่กายของพระอุมาร้อนแรงมาก ทศกรรฐ์อุ้มไม่ได้ ได้แต่อุ้มพระบาทวางไว้เหนือหัวพาเหาะไป
พระนารายณ์ทราบเรื่อง จึงแปลงเป็นชายแก่ ไปดักทางที่ทศกรรฐ์จะผ่านไปและบอกว่ายังมีนางมณโฑซึ่งสวยงาม และเหมาะกับทศกรรฐ์มากกว่า ทศกรรฐ์เชื่อจึงนำพระอุมาไปคืนพระอิศวร แล้วทูลขอนางมณโฑ พระอิศวรก็ประทานให้ ทศกรรฐ์จึงอุ้มนางมณโฑเหาะผ่านนครขีดขิน เพื่อกลับไปยังลงกา พระยาพาลีโกรธหาว่าทศกรรฐ์หมิ่นตน จึงเหาะขึ้นมาจะทำร้ายทศกรรฐ์ เมื่อเห็นนางมณโฑจึงหลงรัก แล้วเข้าสู้รบแย่งชิงจนชนะทศกรรฐ์ ได้นางมา พากลับไปยังนครขีดขิน ได้นางมณโฑเป็นเมีย





    กำเนิดองคต

  • ส่วนทศกรรฐ์แค้นใจและเศร้าโศกเสียใจมาก กุมภกรรณและพิเภก จึงไปหาพระฤาษีโคบุตร พระฤาษีโคบุตรบอกให้ไปพบพระฤาษีอังคต อาจารย์ของพระยาพาลี ให้ไปช่วยไกล่เกลี่ย จนพระยาพาลียอมคืนนางมณโฑให้ทศกรรฐ์ แต่ขณะนั้น นางมณโฑท้องได้ 6 เดือนกว่าแล้ว พระฤาษีอังคตจึงผ่าเอาทารกออกไปใส่ไว้ในท้องแพะ ส่วนนางมณโฑ ได้นำกลับไปคืนทศกรรฐ์ ต่อมาจนถึงเวลาพระฤาษีอังคตได้แหวะท้องแพะ เอาทารกออกมา ตั้งนามว่าองคต แล้วนำไปให้พระยาพาลี




ทศกรรฐ์ถอดดวงใจ
สำหรับทศกรรฐ์ แม้จะได้นางมณโฑแล้ว ก็ไม่หายแค้นพระยาพาลี เมื่อพระยาพาลี จะประกอบพิธีสรงน้ำแก่โอรสองคตในแม่น้ำยมนา ทศกรรฐ์จึงคิดฆ่าให้สิ้นความอัปยศ จึงแปลงร่างเป็นปู ลงไปอยู่ใต้น้ำที่จะทำพิธี พระยาพาลีลงไปจับปูทศกรรฐ์ได้และได้ประจานอยู่เจ็ดวัน จึงปล่อยตัวไป ทศกรรฐ์จึงไปหาพระฤาษีโคบุตร ขอให้ช่วยถอดดวงใจให้ โดยไปทำพิธีกันที่ภูเขานิลคีรีและได้นำดวงใจนั้นรักษาไว้ ณ ภูเขานี้

    ส่วนหนุมานนั้นได้อยู่กับพระยาพาลีและสุครีพ ต่อมาต้องการรักษาศีลจึงลาผู้เป็นน้าแล้วเหาะไปจำศีลที่ป่ากัทลีวัน
    รณพักตร์ เป็นลูกทศกรรฐ์กับนางมณโฑ มีนิสัยหยาบช้าเช่นเดียวกับทศกรรฐ์ ไปศึกษาพระเวทกับ พระฤาษีโคบุตร พระฤาษีได้ให้วิชามหากาลอัคคี ใช้สำหรับบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสามคือ พระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ รณพักตร์เมื่อได้วิชาแล้ว จึงไปบำเพ็ญตบะที่เนินเขาโพกาศ เป็นเวลาเจ็ดปี ทำให้พระเป็นเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ต้องเสด็จมาถามความต้องการ รณพักตร์จึงขอศร พระอิศวรจึงประทานศรพรหมมาศ และพรแปลงกาย เป็นพระอินทร์ให้ พระพรหมให้ศรนาคบาศพร้อมกับพรว่า หากจะตายให้ตายบนอากาศหากเศียรขาดตกดิน ต้องมีพานแก้วของพระพรหมมารองรับ จึงจะไม่กลายเป็นไฟบรรลัยกัลปไหม้โลก ส่วนพระนารายณ์ให้ศรวิษณุปาณัม

    ทางด้านท้าวสหมลิวันที่ครองเมืองบาดาล เห็นว่าทศกรรฐ์เป็นยักษ์สันดานหยาบช้า อาจจะมารุกรานเมืองบาดาลได้ จึงเตรียมการเพื่อป้องกันพระนครอย่างมั่นคง ก่อนตายได้มอบให้โอรสชื่อมหายมยักษ์ ครองเมืองต่อไป แล้วสั่งว่าห้ามไปคบหากับทศกรรฐ์ แล้วตั้งชื่อมหายมยักษ์ให้ใหม่ว่าท้าวศากยวงศาซึ่งมีมเหสีชื่อพระนางจันทประภา ต่อมามีโอรสธิดาชื่อนางพิรากวนและ ไมยราพ



    กำเนิดทรพา ทรพี
  • มียักษ์ตนหนึ่งชื่อนนทกาลอสูร เป็นผู้เฝ้าประตูกำแพงชั้นในเขาไกรลาสของพระอิศวร ได้ล่วงเกินนางมาลีซึ่งเป็นคนร้อยดอกไม้ นางจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรโกรธสาปให้นนทกาลไปเกิดเป็นควายป่าชื่อ ทรพา และเมื่อถูกฆ่าโดยลูกชายชื่อทรพี จึงจะพ้นคำสาป เมื่อทรพาเข้ามาอยู่ในป่าได้นางควายเป็นเมียมากมาย เมื่อนางควายตัวใดมีลูกตัวผู้ก็จะถูกฆ่าตายหมด นางควายนิลาจึงหนีไปออกลูกในถ้ำสุรกานต์เป็นตัวผู้ ฝากเทวดาให้เลี้ยงดู เทวดาได้ตั้งชื่อ ลูกควายนี้ว่าทรพี

    • ฝ่ายท้าวศากยวงศาเจ้าเมืองบาดาลได้ตายลง ไมยราพได้ขึ้นครองเมือง คิดถึงเรื่องที่บิดาสั่งไว้มิให้คบหากับทศกรรฐ์ แต่เนื่องด้วยทศกรรฐ์เป็นยักษ์พาล วันหน้าอาจรุกรานได้ จำเป็นต้องเรียนพระเวทให้มากขึ้น จึงขึ้นจากบาดาล มาศึกษาพระเวท ด้านการสะกดทัพ หายตัว คงกระพันชาตรีกับพระสุเมธฤาษีที่ป่าหิมพานต์ พระฤาษีได้ทำพิธีถอดดวงใจให้ไมยราพและให้ไปเก็บไว้ที่เขาตรีกูฎ
      ส่วนทางเมืองมนุษย์นั้นมีกรุงไกยเกษ ท้าวไกยเกษปกครองมีมเหสีชื่อ ประไพวดี ต่อมามีธิดาชื่อ นางไกยเกษี ท้าวไกยเกษเห็นว่า ท้าวอัชบาลเป็นวงศ์พระนารายณ์และมีความสามารถ ทั้งมีโอรสชื่อท้าวทศรถ จึงถวายนางไกยเกษีให้ ต่อมาท้าวอัชบาลได้ให้ท้าวทศรถขึ้นครองราชย์ และประทานนางไกยเกษี เป็นพระมเหสี
      ด้านเมืองโรมพัตตัน มีท้าวโรมพัตเจ้าเมืองโรมพัตตัน เมืองนี้ฝนไม่ตกมาเป็นเวลาสามปี เกิดทุพภิกขภัย จึงให้จัดพิธีขอฝน แต่ไม่เป็นผล ต่อมาทราบว่าเพราะมีฤาษีตนหนึ่งชื่อกไลโกฎ บำเพ็ญตบะญาณแก่กล้าจนเกิดฝนแล้งขึ้น ท้าวโรมพัตจึงให้ธิดาชื่อนางอรุณวดี ไปทำลายพิธี โดยยอมเป็นเมียฤาษี



      นารายณ์อวตาร
ฝ่ายท้าวทศรถนั้น มีเพื่อนเป็นพญานกชื่อสดายุ พระองค์ไม่มีโอรสธิดาเห็นว่าจะไม่มีใครสืบราชสมบัติ จึงทำพิธีขอโอรสที่มีฤทธิ์แต่ไม่สำเร็จ จึงไปนิมนต์ฤาษีกไลโกฎ ฤาษีกไลโกฎได้พาฤาษีอีก 4 องค์ ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรแล้วทูลว่า โลกมีความเดือดร้อนเพราะพระอิศวรและพระนารายณ์ได้ประทานศรแก่ยักษ์ คงมีแต่ท้าวทศรถเท่านั้นที่จะช่วยเหลือโลกได้ แต่พระองค์ไม่มีโอรส จึงควรให้พระนารายณ์อวตารไปปราบเหล่ายักษ์นั้น


      พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์อวตารไปเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถ ชื่อ พระราม จักรเป็นพระพรต สังข์และบัลลังก์นาคราชเป็นพระลักษณ์ และคทาเป็นพระสัตรุต รวมทั้งให้พระลักษมีเป็นนางสีดา เกิดเป็นธิดาทศกรรฐ์และพระนางมณโฑ
      " เจ้าไปเกิดเป็นกษัตริย์                              สุริวงศ์จักรพรรดิ์มหาศาล
      ทรงพระนามพระรามอวตารในสถานกรุงศรีอยุธยา
      จักรเป็นพระพรตยศยงถัดองศ์พระนารายณ์เชษฐา
      ฝ่ายสังข์บัลลังก์นาคาเป็นพระลักษณ์อนุชาฤทธิรอน
      อันซึ่งคทาวราวุธเป็นพระสัตรุตชาญสมร
      องค์พระลักษมีมีบังอรไปเกิดในนครลงกา
      ชื่อว่าสีดานงลักษณ์เป็นบุตรทศพักตร์ยักษา........"




      กำเนิดทหารพระราม
  • ส่วนเหล่าเทวดาทั้งปวงได้พากันตามเสด็จไปช่วยพระนารายณ์ ปราบเหล่ายักษ์ด้วย พระอิศวรจึงให้พรว่า หากถูกพวกยักษ์ฆ่าตาย เมื่อลมพัดถูกตัวก็ให้ฟื้นขึ้นดังเดิม เหล่าเทพยดารับพรแล้วจึงจุติมาเป็นวานรในโลกมนุษย์

    • พระราหูฤทธิไกรไชยชาญ                             เป็นทหารชื่อนิลปานัน
      พระพินายนั้นเป็นนิลเอกพระพิเนกนั้นเป็นนิลขัน
      พระเกตุเป็นเสนีกุมิกันพระอังคารเป็นวิสันตราวี
      พระหิมพานต์จะเป็นโกมุทพระสมุทรนิลราชกระบี่ศรี
      พระเพลิงเป็นนิลนนมนตรีพระเสาร์เป็นนิลพานร
      พระสุกรเป็นนิลปาสันพระหัศนั้นเป็นมาลุนทเกสร
      พระพุธเป็นสุรเสนฤทธิรอนพระจันทร์เป็นสัตพลี
      วิรูฬหกวิรูปักษ์สองตระกูลเป็นเกยูรมายูรกระบี่ศรี
      เทวัญวานรนอกนี้บัญชีเจ็ดสมุดตรา
      แล้วพระอิศวรจึงให้ฤาษีไปบอกกับท้าวทศรถ ให้ทำพิธีขอโอรส พระฤาษีได้ทำตามคำสั่ง ท้าวทศรถจึงตั้งพิธี ปรากฎรูปอสูรทูนถาดข้าวทิพย์ กลิ่นข้าวทิพย์โชยไปถึงกรุงลงกา พระนางมณโฑต้องการเสวยข้าวทิพย์มาก ทศกรรฐ์จึงให้นางกากนาสูร มาเอาข้าวทิพย์ นางกากนาสูรแปลงเป็นอีกามาโฉบเอาข้าวไปได้ครึ่งปั้น แล้วนำไปให้นางมณโฑ ส่วนที่เหลือสามปั้นครึ่งนั้น ส่วนนางไกยเกษีกับนางเกาสุริยา ได้คนละหนึ่งปั้น นางสมุทรเทวีได้ปั้นครึ่ง




      กำเนิดทรพา ทรพี
    • มียักษ์ตนหนึ่งชื่อนนทกาลอสูร เป็นผู้เฝ้าประตูกำแพงชั้นในเขาไกรลาสของพระอิศวร ได้ล่วงเกินนางมาลีซึ่งเป็นคนร้อยดอกไม้ นางจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรโกรธสาปให้นนทกาลไปเกิดเป็นควายป่าชื่อ ทรพา และเมื่อถูกฆ่าโดยลูกชายชื่อทรพี จึงจะพ้นคำสาป เมื่อทรพาเข้ามาอยู่ในป่าได้นางควายเป็นเมียมากมาย เมื่อนางควายตัวใดมีลูกตัวผู้ก็จะถูกฆ่าตายหมด นางควายนิลาจึงหนีไปออกลูกในถ้ำสุรกานต์เป็นตัวผู้ ฝากเทวดาให้เลี้ยงดู เทวดาได้ตั้งชื่อ ลูกควายนี้ว่าทรพี
      • ฝ่ายท้าวศากยวงศาเจ้าเมืองบาดาลได้ตายลง ไมยราพได้ขึ้นครองเมือง คิดถึงเรื่องที่บิดาสั่งไว้มิให้คบหากับทศกรรฐ์ แต่เนื่องด้วยทศกรรฐ์เป็นยักษ์พาล วันหน้าอาจรุกรานได้ จำเป็นต้องเรียนพระเวทให้มากขึ้น จึงขึ้นจากบาดาล มาศึกษาพระเวท ด้านการสะกดทัพ หายตัว คงกระพันชาตรีกับพระสุเมธฤาษีที่ป่าหิมพานต์ พระฤาษีได้ทำพิธีถอดดวงใจให้ไมยราพและให้ไปเก็บไว้ที่เขาตรีกูฎ
        ส่วนทางเมืองมนุษย์นั้นมีกรุงไกยเกษ ท้าวไกยเกษปกครองมีมเหสีชื่อ ประไพวดี ต่อมามีธิดาชื่อ นางไกยเกษี ท้าวไกยเกษเห็นว่า ท้าวอัชบาลเป็นวงศ์พระนารายณ์และมีความสามารถ ทั้งมีโอรสชื่อท้าวทศรถ จึงถวายนางไกยเกษีให้ ต่อมาท้าวอัชบาลได้ให้ท้าวทศรถขึ้นครองราชย์ และประทานนางไกยเกษี เป็นพระมเหสี
        ด้านเมืองโรมพัตตัน มีท้าวโรมพัตเจ้าเมืองโรมพัตตัน เมืองนี้ฝนไม่ตกมาเป็นเวลาสามปี เกิดทุพภิกขภัย จึงให้จัดพิธีขอฝน แต่ไม่เป็นผล ต่อมาทราบว่าเพราะมีฤาษีตนหนึ่งชื่อกไลโกฎ บำเพ็ญตบะญาณแก่กล้าจนเกิดฝนแล้งขึ้น ท้าวโรมพัตจึงให้ธิดาชื่อนางอรุณวดี ไปทำลายพิธี โดยยอมเป็นเมียฤาษี



        นารายณ์อวตาร
    • ฝ่ายท้าวทศรถนั้น มีเพื่อนเป็นพญานกชื่อสดายุ พระองค์ไม่มีโอรสธิดาเห็นว่าจะไม่มีใครสืบราชสมบัติ จึงทำพิธีขอโอรสที่มีฤทธิ์แต่ไม่สำเร็จ จึงไปนิมนต์ฤาษีกไลโกฎ ฤาษีกไลโกฎได้พาฤาษีอีก 4 องค์ ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรแล้วทูลว่า โลกมีความเดือดร้อนเพราะพระอิศวรและพระนารายณ์ได้ประทานศรแก่ยักษ์ คงมีแต่ท้าวทศรถเท่านั้นที่จะช่วยเหลือโลกได้ แต่พระองค์ไม่มีโอรส จึงควรให้พระนารายณ์อวตารไปปราบเหล่ายักษ์นั้น

      • พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์อวตารไปเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถ ชื่อ พระราม จักรเป็นพระพรต สังข์และบัลลังก์นาคราชเป็นพระลักษณ์ และคทาเป็นพระสัตรุต รวมทั้งให้พระลักษมีเป็นนางสีดา เกิดเป็นธิดาทศกรรฐ์และพระนางมณโฑ
        " เจ้าไปเกิดเป็นกษัตริย์                              สุริวงศ์จักรพรรดิ์มหาศาล
        ทรงพระนามพระรามอวตารในสถานกรุงศรีอยุธยา
        จักรเป็นพระพรตยศยงถัดองศ์พระนารายณ์เชษฐา
        ฝ่ายสังข์บัลลังก์นาคาเป็นพระลักษณ์อนุชาฤทธิรอน
        อันซึ่งคทาวราวุธเป็นพระสัตรุตชาญสมร
        องค์พระลักษมีมีบังอรไปเกิดในนครลงกา
        ชื่อว่าสีดานงลักษณ์เป็นบุตรทศพักตร์ยักษา........"


        กำเนิดทหารพระราม
    • ส่วนเหล่าเทวดาทั้งปวงได้พากันตามเสด็จไปช่วยพระนารายณ์ ปราบเหล่ายักษ์ด้วย พระอิศวรจึงให้พรว่า หากถูกพวกยักษ์ฆ่าตาย เมื่อลมพัดถูกตัวก็ให้ฟื้นขึ้นดังเดิม เหล่าเทพยดารับพรแล้วจึงจุติมาเป็นวานรในโลกมนุษย์

      • พระราหูฤทธิไกรไชยชาญ                             เป็นทหารชื่อนิลปานัน
        พระพินายนั้นเป็นนิลเอกพระพิเนกนั้นเป็นนิลขัน
        พระเกตุเป็นเสนีกุมิกันพระอังคารเป็นวิสันตราวี
        พระหิมพานต์จะเป็นโกมุทพระสมุทรนิลราชกระบี่ศรี
        พระเพลิงเป็นนิลนนมนตรีพระเสาร์เป็นนิลพานร
        พระสุกรเป็นนิลปาสันพระหัศนั้นเป็นมาลุนทเกสร
        พระพุธเป็นสุรเสนฤทธิรอนพระจันทร์เป็นสัตพลี
        วิรูฬหกวิรูปักษ์สองตระกูลเป็นเกยูรมายูรกระบี่ศรี
        เทวัญวานรนอกนี้บัญชีเจ็ดสมุดตรา
        แล้วพระอิศวรจึงให้ฤาษีไปบอกกับท้าวทศรถ ให้ทำพิธีขอโอรส พระฤาษีได้ทำตามคำสั่ง ท้าวทศรถจึงตั้งพิธี ปรากฎรูปอสูรทูนถาดข้าวทิพย์ กลิ่นข้าวทิพย์โชยไปถึงกรุงลงกา พระนางมณโฑต้องการเสวยข้าวทิพย์มาก ทศกรรฐ์จึงให้นางกากนาสูร มาเอาข้าวทิพย์ นางกากนาสูรแปลงเป็นอีกามาโฉบเอาข้าวไปได้ครึ่งปั้น แล้วนำไปให้นางมณโฑ ส่วนที่เหลือสามปั้นครึ่งนั้น ส่วนนางไกยเกษีกับนางเกาสุริยา ได้คนละหนึ่งปั้น นางสมุทรเทวีได้ปั้นครึ่ง



      ที่มา  http://www.dooasia.com/siam/ramakian/index4.shtml






















ตัวละครเอกในเรื่อง รามเกียรติ์


ตัวละครเอกในเรื่อง รามเกียรติ์



ฝ่ายพระราม (มเหศรพงศ์ และ วานรพงศ์)
  • พระราม









  • พระลักษมณ์

  • พระพรต

  • พระสัตรุด

  • สีดา

  • หนุมาน














  • สุครีพ













  • าลี       

  • ชมพูพาน

  • องคต

  • มัจฉานุ

  • พิเภก












ฝ่ายทศกัณฐ์ และพันธมิตร (อสุรพงศ์)
  • ทศกัณฐ์
ทศกัณฑ์
  • กุมภกรรณ
  • ไมยราพ
  • อินทรชิต
  • รามสูร
  • ท้าวลัสเตียน
  • ทรพา ทรพี
  • นางมณโฑ
  • นางสำมนักขา
  • นางเบญกาย
  • นางสุพรรณมัจฉา




http://th.wikipedia.org/wiki/รามเกียรติ์

http://krungthonburi.exteen.com/page
ที่มา